Review Honda CRF 300 L มันคือรถสปอร์ตในคราบ Enduro !!!

13924 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Review Honda CRF 300 L มันคือรถสปอร์ตในคราบ Enduro !!!




Review Honda CRF 300 L
มันคือรถสปอร์ตในคราบ Enduro !!!

   หลังจากได้ทดสอบกันไปอย่างจัดหนัก ในเส้นทาง Off-Road เราก็จะมาเล่าให้ฟัง
ว่า CRF 300L 2020 มันต่างจากตัว CRF 250L ยังไง



   เริ่มจากอย่างแรกเลย ชื่อก็บอกอยู่ครับว่ามันเป็นตัว 300 cc.มันแรงขึ้น ใหญ่ขึ้น เครื่องยนต์ตัวนี้ถูกพัฒนา
ต่อยอดมาจากเครื่องยนต์ CBR 300R ที่เป็นตัวสปอร์ต เป็นธรรมดาครับที่ฟิลลิ่งการขับขี่มันต้องสนุกมาก
ยิ่งขึ้น

 

   ตามไปด้วย ด้วยช่วงชักที่ยาว 63 mm. ยาวกว่าตัวก่อนหน้าถึง 8 mm.(ช่วงชักเดิม 55 mm.)ทำให้มันมี
อัตราเร่งช่วงต้นและกลางที่จัดจ้านขึ้น บิดติดมือสุดๆ


   ส่วนขนาดลูกสูบยังเท่าเดิม รีดแรงม้าได้ถึง 31 hp./8,500 rpm. และแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 22 Nm/7,000 rpm.
มาเป็น 26.2 Nm/8,500 rpm.

 

   ด้านหม้อน้ำได้ย้ายตำแหน่งมาอยู่ด้านขวา เพื่อลดความเสียหายจากการล้ม เพราะว่าผู้ขับขี่ส่วนใหญ่
จะถนัดเท้าขวา เมื่อจำเป็นต้องหยุดรถหรือเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะเอาขาข้างที่ถนัดลงค้ำรถไว้ก่อน



   ซึ่งรวมๆแล้วผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะถนัดขวามากกว่าซ้าย เพิ่มระบบ Assist Slipper Clutch ที่จะช่วยป้องกัน
ล้อหลังสับหรือล็อคขณะลดเกียร์ลง อย่างกะทันหัน

 

   ช่วงอัตราทดเกียร์ทั้ง 6 เกียร์ ถูกปรับให้ยาวขึ้น ทำให้ง่ายต่อการขับขี่ในทาง Off-Road อย่างมาก

ตารางเปรียบเทียบอัตราทดเกียร์ทั้ง 2 รุ่น

             CRF 250L         
CRF300L  


เกียร์ 1          3.333                   3.538  

เกียร์ 2         2.117                     2.250

กียร์ 3         1.571                     1.650  

เกียร์ 4         1.304                    1.346

เกียร์ 5          1.103                     1.115  

เกียร์ 6         0.967                   0.925




   ด้านหม้อน้ำได้ย้ายตำแหน่งมาอยู่ด้านขวา เพื่อลดความเสียหายจากการล้ม เพราะว่าผู้ขับขี่ส่วนใหญ่
จะถนัดเท้าขวา เมื่อจำเป็นต้องหยุดรถหรือเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะเอาขาข้างที่ถนัดลงค้ำรถไว้ก่อน


 ฟิลลิ่งการขับขี่ในทาง Off-Road 


   สัมผัสแรกที่ได้ลองคร่อมดู ความสูงและมิติของมันไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ แต่ที่รู้สึกและสัมผัสได้ใน
ทันทีนั่นคือความเบาของมันครับ น้ำหนักตัวเบากว่าเดิมถึง 5 kg. ด้วยน้ำหนักที่มันเบาลง ทำให้การควบคุม
รถมันทำได้ง่ายขึ้น เลี้ยวง่าย ขี่ง่าย ทุกอย่างมันง่ายไปหมดจริงๆ บวกกับอัตราเร่งสุดจี๊ด บิดเด้งเร่งลอย
อันนี้เรื่องจริงครับ ขี่ในป่านี่สนุกมาก บางจังหวะส่งมาแรงเกิน รวบเกียร์ตั้งแต่ 3 เหลือ 1 แบบกระชั้นชิด
แต่ยังดีได้ระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยไว้ ไม่งั้นได้ลงไปนอนเล่นข้างทางแน่



   ส่วนท่านั่งการขับขี่ปรับมาให้กระชับมากกว่าเดิม จังหวะยืน เข่าสามารถหนีบถังได้พอดี ระยะแฮนด์ไม่กว้าง
จนเกินไป จะโดนเนินหรือข้ามสิ่งกีดขวางก็สบายเพราะท้องมันสูงขึ้นถึง 33 mm. จาก 211 mm. เป็น 244 mm.
ท้องสูงขึ้นแต่เบาะไม่สูงขึ้นนะครับ ยังสูง 830 mm. เท่าเดิม แต่อย่าถามกันเลยว่าผมสูงเท่านั้น เท่านี้
จะขี่ได้ไหม เอาจริงๆครับ พี่นักทดสอบบางสูงไม่ถึง 160 cm. เขาขี่ได้พริ้วกว่าผมอีก มันอยู่ที่ใจล้วนๆครับ ^^

 


   ต่อกันที่ระบบช่วงล่าง ถ้าเราไม่ได้เอาไปแข่งขัน หรือโดดเนินสูงๆ มันใช้ได้ดีเลยครับ เอาแค่ขี่เที่ยวป่า
ชมนก ชมไม้ ออกกำลังกาย สบายๆเลยครับ แต่ที่บางคนบอกว่ายังคงแอบย้วยเช่นเดิม ทำไมถึงย้วย
มาครับจะเล่าให้ฟัง เพราะว่าทางโรงงานจะหาค่าตรงกลางให้ผู้ขับขี่โดยคิดค้นและวิจัยหาค่าเฉลี่ยของผู้ใช้งาน
พอทีนี้รถที่ทดสอบทุกคันก็จะเป็นค่ามาตรฐาน บางคนขี่อาจว่ามันย้วยเกินไป บางคนขี่คันเดียวกันแต่บอกว่า
มันแข็งเกินไป ซึ่งตรงนี้โช้คหลังเราสามารถปรับค่าความแข็งอ่อนได้ครับ ทีนี้อยากได้แข็งเหมือนเกวียน
หรือนิ่มเป็นเยลลี่ติดล้อ ก็ตามใจเพื่อนๆเลยครับ



   ทีเด็ดของเจ้ารุ่นนี้มันอยู่ตรงที่อัตราเร่งนี่เหละครับ อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นมาบวกกับน้ำหนักที่เบาลง มันมีผล
อย่างเห็นได้ชัด สำหรับใครที่เคยขับขี่ตัว 250L จะรู้ทันทีเลยว่ามันต่างกันโดยสิ้นเชิง แรงติดมือจริงๆ เหมือนว่า
มันไม่ใช่รถ Enduro เลย เหมือนรถสปอร์ตมากกว่า และอีกจุดที่ตัวเก่าเป็นคืออาการสั่นของเครื่องยนต์เมื่อ
ลากรอบสูง เจ้าตัวนี้ถูกปรับ Balancer ใหม่ ลืมไปเลยว่ามันเคยมีอาการนี้อยู่ นิ่งเรียบจริงๆครับ การคอนโทรล
คันเร่งในทางขรุขระทั่วไปก็ทำได้ง่าย แบบว่าขี่ไปร้องว้าวไปอ่ะ มาถึงจุดที่ต้องกระโดนเนิน ตัวแอดมินเองก็
หลับหูหลับตาบิดส่งขึ้นไป โอ้โห ภาพออกมาอย่างสวย แต่ตอนลงนี่เกร็งว่าจะกระเด็นไปนอนข้างเนินหรือเปล่า
และมันก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนลงรู้สึกว่าระบบช่วงล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ไม่มีอาการสับหรือ
บั้มให้เห็นเลยครับ





   ครั้งแรกอาจฟลุ้ค เราเลยลองวนอีกหลายรอบ ชัดเลยครับ มันเอาอยู่จริง ต่อกันที่การเข้าโค้งและเปิดคันเร่ง
ออก กำลังและเเรงบิดของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้มีมากมาย ส่งออกโค้งได้อย่างสนุก ดันโค้งดันเนินได้อย่างสบาย
แต่ท้ายที่สุด ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วยนะครับ ระบบเบรกสั่งได้ดั่งใจทั้งหน้าและหลัง
เรียกง่ายๆว่าทั้งระบบเบรกและระบบ Assist Slipper Clutch ช่วยผมไม่ให้กลิ้งได้เยอะเลยครับ
   เนื่องจากว่าเมื่อขับขี่ไปสักพักเริ่มชินมือ อารมณ์มันมาก็กดเต็มคันเร่งดู จนลืมทางข้างหน้าว่าจะมีอะไร
ผมนี่รวบเกียร์ตั้งแต่เกียร์ 3 และบางครั้งเกียร์ 4 เหลือเกียร์ 1 อยู่หลายรอบ ตัวรถไม่เกิดอาการสับที่ด้านหลัง
มันช่วยได้เยอะจริงครับระบบนี้ ถ้าเพื่อนๆที่เคยขับขี่รถ ที่ระบบนี้จะรู้ได้ทันทีว่ามันแจ่มจริงๆ



เอาเป็นว่าเปิดราคามา 145,800 บาท ซื้อเหอะครับ ธรรมชาติในป่ารอเราอยู่


ขอขอบคุณทางบริษัท AP Honda ที่เชิญทางทีมงาน OverRide ไปร่วมทดสอบรถครั้งนี้ด้วยครับ

Special Thank : ขอขอบคุณชุดอุปกรณ์ขับขี่จากร้าน Dirtshop Thailad
#Honda #CRF300L #Enduro  #AllNew  #Override
#DirtshopThailand #Fox  #BellHelmetThailand  #ไปทุกที่ที่ไม่มีทาง
#WhatStopsYou

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้