3567 จำนวนผู้เข้าชม |
ครั้งนี้ทีม OVERRIDE เราได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบรถสุดคลาสสิคของค่ายยักษ์เขียว
Kawasaki ที่รอบนี้พาเราบินลัดฟ้า ไปสู่ประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นประเทศบ้านเกิดของทางค่าย
ไม่รอช้าครับ เมื่อเดินทางถึงเมือง Haneda ประเทศญี่ปุ่น ได้มีรถมารับเราจากสนามบิน
เพื่อเข้าไปยังที่พักแถวเมือง Nagano ก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการเดินทางครั้งนี้
ต้องบอกว่าถ้านั่งรถในบ้านเรา ระยะเวลาขนาดนี้ น่าเบื่อแย่เลยครับ
แต่นี่เป็นประเทศญี่ปุ่น ผมนี่ไม่ได้นอนเลยครับ เสพย์สิ่งแวดล้อม บรรยากาศสองข้างทาง
ของประเทศเขาไปเรื่อยๆ มันดูสะอาดและเป็นระเบียบจริงๆครับ
เมื่อมาถึงที่พัก Resort Hotel Teteshina ทางที่พักก็ได้มีการนำเอารถสไตล์ Heritage
ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของทางค่ายจัดมาจอดโชว์กันหลากหลายรุ่น ตัวผมเองยังไม่ทันจะเข้าที่พัก
รีบคว้าโทรศัพท์ไปถ่ายรูปโดยเร็ว
โดยที่สะดุดตาผมที่สุดน่าจะไม่พ้นเจ้า 1974 X-99 เพราะอะไรหรอ มันมีหัวใจเป็น
เครื่องยนต์แบบ Rotary สิงสถิตย์อยู่ในตัวนั่นเอง ถึงแม้มันจะสตาร์ทฟังเสียงไม่ได้
แต่แค่เห็นภายนอกและประวัติอันน่าทึ่งของมัน ก็น่าประทับใจสุดๆแล้วครับ
และพระเอกอีกหนึ่งคันก็คงไม่พ้น 1965 650-W1 มันคือต้นตระกูลของรถ W ทุกรุ่นที่
ทางค่าย Kawasaki ผลิตออกมา รวมไปถึงเจ้า W 800 Street,Cafe ทั้งสองรุ่น
ที่เราจะมาทำการทดสอบ ณ ประเทศญี่ปุ่นนี้ด้วย
หลังจากชื่นชมรถระดับตำนานกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็เอาของเข้าห้องพัก
ก่อนที่จะลงมาห้องประชุม เพื่อทำการ Brief เส้นทางและกลุ่มการขับขี่ในวันรุ่งขึ้น
อีกทั้งยังมีการแนะนำถึงตัว W 800 ทั้งสองรุ่น ที่เราจะทำการขับขี่ ครั้งนี้เราได้เข้าร่วม
ทดสอบกับสื่ออีกสองประเทศ ฟิลิปปินด์ กับแคนนาดา เป็นกลุ่มที่จะได้ขับขี่ทดสอบรถ
ร่วมกัน เมื่อ Brief เสร็จก็แยกย้ายกันพักผ่อน เตรียมตัวลุยกันต่อ
เช้ามืด ประมาณตีสี่ ผมตื่นมาด้วยความสดชื่น แต่ที่น่าทึ่งกว่าการตื่นเช้าก็คือ
แสงแดดยามตีสี่ มันเหมือนกับแดดบ้านเราตอนเจ็ดโมงเช้าเลย ทำเอางงคิดว่าตัวเองตื่นสาย
เสียแล้ว555
หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ลงมารับประทานอาหารร่วมกันก่อนเปลี่ยนชุดขับขี่เพื่อ
ทำการทดสอบ อ่ะๆๆ ลืมบอกไป ว่าอากาศที่นี่ตอนนี้ดีมากๆครับ ประมาณ 10 องศานิดๆ
เหมาะแก่การทดสอบรถเป็นอย่างยิ่ง (กลางเดือนพฤษภาคม 2562)
ในช่วงแรกของการทดสอบ ตัวผมเองได้เริ่มขับขี่ W 800 Street ก่อน
เส้นทางในช่วงเช้านั้นเป็นเส้นทางที่มีโค้งแคบและคดเคี้ยวเป็นอย่างมาก ต้องขับขี่กัน
ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง แต่พอเมื่อเราชินกับตัวรถเท่านั้นเหละ มาเถอะ 555
จะเด็กแว้นเจ้าถิ่นหรือเพื่อนสื่อต่างประเทศ ตามเราให้ทันเถอะ
มาต่อกันที่ตัวรถกันบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่พูดถึงกันสักนิด กับ KAWASAKI W 800
ตัว Street เป็นรถที่ออกแบบมาให้ขับขี่ทางใกล้และทางไกล สบายมากกกก ด้วยเเฮนด์บาร์
ทรงสูง ควบคุมง่ายทั้งเวลาเข้าโค้ง หรือซอกแซกไปตามช่องต่างๆ ถือว่าเป็นรถที่เข้าถึงได้ง่าย
รูปทรงเบาะตอนเดียว ทั้งนุ่มและกว้าง จุดศูนย์ถ่วงรถที่อยู่ต่ำ ทำให้การควบคุมรถในทางโค้งทำได้ง่าย ไม่มีอาการร่อนหรือส่ายเมื่อเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณหนึ่ง
แต่ถ้าใช้ความเร็วเกิน 140 km/hr. อาจจะมีร่อนๆ ส่ายๆ กันบ้างเล็กน้อย เนื่องด้วยยาง
เป็นสไตล์เรโทร จึงไม่เน้นการใช้งานที่ความเร็วสูงมากเท่าไหร่นัก
ต่อกันที่กำลังเครื่องยนต์อัตราเร่งที่ไม่จัดจ้านมากนัก ช่วยให้เราใช้งานในเส้นทาง
โค้งแคบๆบนเขาได้ดีเยี่ยม ไม่ต้องเหนื่อยกรอคันเร่งเยอะๆ ค่อยๆ ลากเกียร์ไปเรื่อยๆ
กำลังเครื่องยนต์ก็สามารถพาเราเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างเรื่อยๆ อีกทั้งเส้นทางบนเขานั้น
อันตรายมาก เราจึงไม่สามารถทำความเร็วสูงได้มากเท่าไหร่ แต่บางจุดก็พอมีช่วง
ให้กดคันเร่งกันยาวๆได้เหมือนกัน
เอาตามตรงครับ เครื่องยนต์ของเจ้า W 800 ถูกปรับแต่งมาให้ใช้งานอย่าง
เอนกประสงค์ ทำให้มันสามารถใช้งานได้ในทุกย่านความเร็ว แต่ถ้าจะเอาไปหวดกับ
รถสไตล์ Naked หรือ Sport ก็อาจจะสู้ไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ขับขี่กับหล่อๆ ชิลด์ๆ เจ้านี่กินขาด
ตั้งแต่สตาร์ทรถเลยครับ ในการขับขี่วันเเรกนั้นระยะทางรวมประมาณ 80 km.
ถือว่าได้ออกกำลังกายกันพอตัวเลย
ในเส้นทางที่เราไปก็ได้มีจุดแวะถ่ายรูปกันเล็กน้อย อันที่จริงจะเน้นไปที่การทดสอบ
ขับขี่รถซะมากกว่า หลังจากพักทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ ก็ขับขี่กันต่อเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พัก
ซึ่งที่พักคืนนี้เป็นที่พักแบบ Ryokan (เรียวกัง) คือที่พักแบบสไตล์ญี่ปุ่นห้องพักจะเป็น
ห้องพักในรูปแบบญี่ปุ่นสมัยก่อนและการตกแต่งแบบสไตล์ญี่ปุ่นรวมถึงการแต่งกายและ
ลักษณะการให้บริการของเจ้าหน้าที่ในเรียวกัง
เรียวกังยังคงมีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและมีบทบาทในการถ่ายทอดวัฒนธรรม
การเข้าพักในที่พักแบบญี่ปุ่นในปัจจุบัน โดยความพิเศษของที่พักแบบเรียวกังนั้นจะมีดังนี้
1) มีให้บริการทั้งอาหารเย็นและอาหารเช้า (ในเรียวกังบางแห่งอาจให้บริการอาหาร
ในรูปแบบบุฟเฟ่ต์หรือไม่ได้ให้บริการเสริฟ์อาหารถึงภายในห้องพัก)
2) มีให้บริการชุดยูกาตะ(ชุดประจำชาติญี่ปุ่น)
3) มีให้บริการออนเซ็น ที่อาบน้ำรวม
4) ในเรียวกังบางแห่งจะมีเจ้าหน้าที่ให้บริการประจำห้องพัก ห้องละ 1ท่าน
เอาครับ เมื่อเราถึงที่พักเป็นที่เรียบร้อย ก็จัดแจงเอาของและสัมภาระเข้าเก็บในห้องพัก
โดยห้องพักที่จัดเตรียมไว้ให้นั้น ตัวผมเองโคตรโชคดี ได้นอนห้องที่ใหญ่ที่สุด
แต่ก็แอบเหงานิดๆนะ ห้องใหญ่มาก นอนได้ประมาณ 6 คน แต่ผมนอนเดี่ยว
แต่ก่อนจะนอนพัก เวลาที่เรามาถึงนั้นยังไม่เย็นมากนัก ก็ได้เดินเล่นชมวิวทิวทัศน์ของที่พัก
แห่งนี้ไปเรื่อยๆ โดยใกล้ที่พักนั้นเป็นวัดอีกด้วย ถ้าเป็นวัดไทยคงหลอนน่าดู แต่นี่วัดญี่ปุ่น
อะไรก็ดูดี ดูสวยงามแปลกตาไปหมด เก็บภาพ สูดบรรยากาศจนชุ่มปอด ก็ไปรับประทาน
อาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำรับกัน และก็มีปาร์ตี้กันเล็กๆน้อยๆ ก่อนแยกย้ายกันพักผ่อน
วันที่สองของการขับขี่ วันนี้จะมีการขับขี่ที่ยาวหน่อย เพราะเราจะแวะกันหลายจุด
โดยทั้งสองวันที่ขับขี่จะได้ขับขี่รถสลับกันทั้งสองรุ่น วันนี้จะพูดถึงตัว W 800 Cafe ที่เป็น
รถทรงหล่อๆ ซิ่งๆ ท่าทางการขับขี่ของเจ้าตัวนี้จะแตกต่างกับตัว Street โดยสิ้นเชิง
แฮนด์จะอยู่ต่ำ ท่าทางการขับขี่จะหมอบๆ เบาะตอนเดียว แต่ไม่เหมาะกับคนซ้อน
มากเท่าไหร่นัก เบาะทางด้านหลังมันลาดลง
ระบบเครื่องยนต์ทั้งสองรุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์เดียวกัน แต่ความเร็วสูงสุดเจ้า Cafe
สามารถทำได้สูงกว่าอยู่นิดหน่อย เพราะอัตราการปะทะของลมด้านหน้า ยังพอมีหน้ากาก
หรือเรียกกันว่าไอ้โม่ง คอยตัดลมให้ จึงสามารถทำความเร็วได้มากกว่า ที่สำคัญกว่านั้น
คือ ระบบช่วงล่าง ทั้งหน้าและหลังออกแบบมาให้ใช้งานได้ในทุกรูปแบบ มีความนิ่มนวล
เมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง และหนึบเมื่อเจอโค้ง
อีกทั้งการทดสอบวันนี้ทางผู้นำทาง ได้พาเราขึ้นทางด่วน ใช่ครับ “ทางด่วน” ถือเป็น
เซอร์ไพรส์แรกของวันเลยก็ว่าได้ อยู่ประเทศไทยขึ้นไม่ได้ คราวนี้มาถึงประเทศญี่ปุ่น
ได้ลองทดสอบรถบนทางด่วน มันสิแบบนี้ คิดในใจ จะกดท๊อปสปีดให้ดู แต่เดี๋ยวก่อนครับ
ถึงจะเป็นทางด่วนก็จริง ประเทศนี้กฎหมายเคร่งครัดมาก ป้ายเตือนทุกป้าย สำคัญมาก
หยุดคือหยุด ห้ามคือห้าม มีการจำกัดความเร็วไม่เกิน 90 km/hr. พอนึกออก ก็ถอดใจแล้ว
ว่าอุตส่าห์ได้ขึ้นทางด่วนทั้งที แต่ไม่ได้หวดคันเร่งจมๆ มันก็กระไรอยู่
แต่ด้วยมาเเชลคนนำทางเป็นเจ้าถิ่น จะมีอยู่ช่วงหนึ่งของทางด่วน มาแชลพา
รถนำขบวนด้านหน้า เร็วขึ้น และเริ่มกดคันเร่งเกินความเร็วที่กำหนดไว้เรื่อยๆ
เราก็เอะใจ ว่าไมมันเร็วขึ้นหว่า คิดในใจ
"เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน เอ็งไปได้ ข้าก็ไปมั่งสิ จะรอไร ถ้าโดน เราก็ไม่เหงาแน่นอน 555"
กดคันเร่งไปยาวๆเลยครับแบบนี้ ได้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 170 ++km/hr.
ถือว่าเเรงเอาเรื่องเลยครับ กับรถสไตล์แบบนี้
เมื่อสุดทางด่วน เราก็แวะเติมพลังงานกัน ผมก็แอบไปกระซิบถามมาแชล
ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงหวดคันเร่งจมขนาดนั้น เขาตอบกลับมาประมาณว่า
“ไอรู้ดี ทางด่วนนี้ไอแว๊นประจำ รู้ว่าช่วงไหนมีกล้อง ช่วงไหนไม่มีกล้อง เลยกล้าพา
พวกยูซิ่งกันสักหน่อย 555”
ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปถ่ายรูปกันที่เมือง Naraijuku เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของประเทศ
ญี่ปุ่น เป็นเมืองเก่า ที่ยังคงกลิ่นอายวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอยู่เต็มเปี่ยม เพื่อพักถ่ายรูป
ชมบรรยากาศกันเสร็จก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ปราสาท Matsumoto เพื่อทำการถ่ายรูป
เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย โดยเส้นทางจากเมืองนี้ไปปราสาท ก็ไม่ไกลกันมากนัก
ขับขี่พอได้เหนื่อย
เรามาทำความรู้จักปราสาทนี้กันก่อนดีกว่าครับ เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ
ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในห้าปราสาทในญี่ปุ่นที่ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติประจำชาติ ตัวปราสาท
สร้างขึ้นด้วยไม้โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว หอคอยกลางปราสาทเคยใช้เป็นที่สำหรับ
ระวังภัย ป้อมหอคอยและตัวปราสาทมัตสึโมโต้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปีพ.ศ. 2135
ข้างในตัวปราสาทมีขั้นบันไดสูงชันและเพดานที่ไม่สูงมากนัก ตามแนวทางเดินจัดแสดง
วัสดุเครื่องใช้ทางประวัติศาสตร์ เช่น ชุดเกราะซามูไรสมัยเซ็นโกกุ ปืนคาบศิลาและ
อาวุธที่เคยใช้สู้รบในสมัยก่อน หน้าต่างเป็นหน้าต่างไม้แคบๆ มีช่องสำหรับยิงปืน
และยิงลูกธนู สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นและเมืองมัตสึโมโต้
ได้จากชั้นบนสุดของปราสาท เป็นปราสาทที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรม และฝีมือการสร้าง
ของชาวญี่ปุ่นสมัยนั้นอย่างแท้จริง สวยงามและน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราจะเอารถเข้าไปถ่ายด้านในนั้น เป็นไปได้ยากมาก แต่ทางทีมงาน
Kawasaki จัดให้ พาเราและรถเข้าไปถ่ายรูปด้านในปราสาทได้สำเร็จ ต้องบอกเลยว่า
พิเศษยิ่งกว่าใส่ใข่อีกครับทีมงาน Kawasaki หลังจากถ่ายรูปและชื่นชมความสวยงามของ
ปราสาทกันเสร็จ ก็เดินทางไปที่พักกันอีก โดยเส้นทางขาไปที่พักสำหรับคืนนี้ ก็ยังเป็น
ทางด่วนอีกเช่นกัน
แต่เดี๋ยวก่อนครับ จุดบนเขาช่วงนี้ ทางทีมงาน Kawasaki ได้จัดเอาตำนานรถอย่าง
W-1 มาให้เราได้ลองขับขี่ ป๊าดดด!!! เซอร์ไพรส์ป่ะล่ะ รีบจัดแจงต่อคิวกันเลยครับ
แต่เมื่อจะได้ขับขี่ อ้าวเห้ยย ทำไมคันเข้าเกียร์มันอยู่ทางด้านเท้าขวาหว่า
และเบรกก็มาอยู่ด้านซ้าย ทำเอาสับสนกันอยู่พักใหญ่ ถึงกับต้องท่องไว้ตลอดว่า
“เกียร์อยู่ขวาๆๆๆ” เมื่อลองขับขี่แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ขับขี่ย้อนอดีต
ไปในยุค 1965 ซึ่งเป็นปีที่สร้างตำนานรุ่นนี้มา อารมณ์การขับขี่ที่สุดแสนฟิน
มันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน หลังจากได้ลองขับขี่ W-1 ทำให้รู้ได้เลยว่า เทคโนโลยีสมัยก่อน
ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ระบบรองรับน้ำหนักทำได้ดีเอาเรื่อง เทียบกับรถสมัยใหม่ได้เลย
มีความนิ่มนวล บวกกับน้ำหนักตัวรถที่มากโข การทรงตัว การเข้าโค้งก็ทำได้ดี
อาจจะมีย้วยๆไปบ้าง ตามอายุของตัวรถ แต่ก็ไม่ถึงกับยวบยาบ โดยรวมเป็นรถ
ที่มีสเน่ห์ดึงดูดสายตาของคนที่ขับขี่ผ่านสองข้างทางเป็นอย่างมาก
หลังจากขับขี่เสร็จเราก็มุ่งหน้าเข้าที่พักที่ Resort Hotel Teteshina เก็บสัมภาระกันเสร็จ
เรียบร้อย ก็ลงมารับประทานอาหารพร้อมกับปาร์ตี้เล็กๆแต่อบอุ่นไปด้วยกลิ่นอายของ
ประเทศญี่ปุ่น
ต้องขอขอบคุณทางบริษัท Kawasaki Motor Enterprise Thailand เป็นอย่างสูง
ที่ได้มอบโอกาสสุดพิเศษให้ทีมงาน OverRide ได้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดสอบรถ
W 800 แบบ Exclusive แถมยังได้เรียนรู้ประสบการณ์การขับขี่รถรูปแบบใหม่ในต่างแดน
ครั้งนี้ด้วยครับ
.
Special Thank:Dirtshop Thailand
.
#Kawasaki #W800 #W1 #JapanPressTrip #Nakano #HeritageBike #Retrobike #Classicbike
#Override #Dirtshopthailand #BellHelmet #SPIDI