35 จำนวนผู้เข้าชม |
รถไม่ดับ เราไม่หยุด
รีวิวแบบลึกที่สุดแล้ว ที่หุบกาฮัง
กับ Honda CRF 300 Rally 2025
ถ้ายังไม่รู้ ก็ต้องไปลอง เพราะเราก็อยากรู้เหมือนกัน
รอบนี้เราพุ่งตรงไปจังหวัดประจวบ อ.ปราณบุรี เป้าหมายของเราคือ หุบกาฮัง ชื่ออาจจะคุ้นหู แต่จริงๆแล้วไม่คุ้น งงไหม แอดก็งง (ชื่อที่เราคุ้นหู คือหุบกะพง ของจังหวัดเพชรบุรี) เอาง่ายๆว่าเส้นทางจาก กทม ไปก็สามร้อยโลนิดๆ ถือว่าไม่ไกลมาก
ด้วยรถสายลุยอย่าง Honda CRF 300 Rally อย่างที่บอกเจ้ารถคันนี้มันเป็นสายลุยก็จริง แต่หน้าตา และทรวดทรงมันเอาไว้เดินทางไกลได้ด้วย มีทั้งชิลด์หน้า และแฟริ่งด้านหน้าสไตล์ Rally สวยแถมซิ่งอีก แล้วจะรออะไร ไปลุยกันเลยดีกว่า
การเดินทางของเรา แน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องวิ่งผ่านถนนที่เสี่ยงตุยเย่ที่สุดในประเทศก่อน อย่างพระราม 2 เพื่อจะมุ่งหน้าลงใต้
ขี่ไประแวงไป บางช่วงโล่งๆแอดมินกดคันเร่งจมๆ ไม่รีรอ ความเร็วที่ทำได้ก็อยู่ที่ประมาณ 135-140 km./hr. กับรถยางหนาม บังโคลนลอย วิ่งได้ขนาดนี้ถือว่าเกินตัวแล้ว ถ้าอยากซิ่งวิ่งมากกกว่านี้เเนะนำให้โมเพิ่มเเล้วใส่ยางเรียบเป็นสไตล์โมตาดไปเลย จะขี่สนุกกว่า แต่ถ้าสายลุย สายเดินทาง ที่ชอบฟรีรันยาวๆ มาแบบไหน ไปแบบนั้น รถบ้านยางเดิม สะดวกสุดครับ ถ้าถามว่าหน้าล่อนไหม ตอบเลยว่าไม่เหลือ แต่ที่ความเร็วสูงเท่านั้นนะ หลัง 120 km./hr.ไปจะเริ่มมีอาการส่ายอย่างเห็นได้ชัด เป็นธรรมดาของรถสไตล์นี้อยู่แล้วครับ อย่าไปสนเลย เอาเป็นว่ามันเดินทางปลอดภัยมากกว่าเดิมอยู่แล้ว ทั้งระบบ ABS หน้า/หลัง ปิดการทำงานที่ล้อหลังได้ อันนี้คือมีแล้วฟินมากกับการเดินทางไกล หรือขับขี่ในเมือง กดเบรกให้เต็มไปเลย ไม่ต้องกลัวกลิ้ง มั่นใจได้เลย
อีกอย่างเบาะนั่งก็ยังออกแบบมาให้นั่งได้สบาย แถมถ้าคุณเป็นสายแบก ด้านหลังของรถก็มีน็อตยาวที่ยื่นออกมาให้เรามัดของท้ายรถได้ อันนี้ก็เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งานอีกขั้นนึง หลังจากขี่กันมาสักพักใหญ่ เราก็ได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางป่าละอู เป็นทางขึ้นเขา มีโค้งคดเคี้ยวต่อเนื่องอยู่หลายจุด เราก็ลองรถมันด้วยสะเลย ไหนๆก็ไหนๆล่ะ ดูหน่อยว่ารถแบนี้มันจะเข้าโค้งได้คมแค่ไหน น่าเหลือเชื่อ ด้วยทรงรถ ยางรถ เลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ เกาะโค้งสะอย่างงั้น จุดนี้เล่นเอาอึ้งไปเลย ช่วงล่างหน้าหลังของเจ้าคันนี้มันถูกปรับมาให้ใช้งานได้เอนกประสงค์มาก ดำก็ได้ ดินก็พร้อม
หลังจากเลยช่วงป่าละอูเข้ามาแล้ว เส้นทางซ้ายขวา ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับเราสักเท่าไหร่ เพราะก่อนเข้าไปถึงจุดหมายของเรา สภาพเส้นทางคือทางลูกรังแดงๆแบบ 100% ขี่กันหูตาแตกเลยทีเดียวเชียว
แต่อย่างไรนั้น เจ้ารถคันนี้ก็พาเราไปได้เรื่อยๆแถมวิ่งไม่ช้าด้วยหลังจากเริ่มเข้าใกล้ปลายทางของเรา ก็เริ่มไม่มีสัญญาณมือถือ การที่เราเลือกมาที่นี่เพราะเหตุผลนี้เหละ เราจะได้มาบำบัด Social Detox กัน และไม่มีไฟฟ้าด้วย ซึ่งก่อนเดินทาง เราก็ทำการบ้านเรื่องเส้นทางมาอย่างดี เพราะหลายคนบอกว่า มาที่นี่ยังไง ไม่หลงก็เลย แถมยังมายาก แต่เท่าที่เราขี่รถมาครั้งนี้ ไม่เห็นจะยากเลยนะ (แวะขิงสักหน่อยหนึ่งกรุบ) เพราะส่วนมากเราเน้นถามทางชาวบ้านเอา ไม่เน้นตาม GPS สักเท่าไหร่ เราเลยมาถึงโดยที่ไม่หลงสักนิด
หุบกาฮัง สถานที่แห่งนี้ต้องบอกว่ายังคงความสวยงามอย่างมาก เป็นต้นน้ำของหลายหมู่บ้านของเขตนี้ ก่อนที่จะไหลลงไปรวมที่เขื่อนปราณบุรี เป็นหุบเขาที่มีลำธารไหลผ่าน รวมๆทั้งหมดที่มีร่วม 30 คลอง ส่วนจุดที่เราจะไปข้ามเพียงแค่ 3 คลองก็ถึงจุดหมาย หุบกาฮังแคมป์ ของเราแล้ว
ทางไม่ยากมากนะ เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่น้ำน้อย ทางแห้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ลำธารที่เราต้องขี่รถข้าม ต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ คือมันโคตจรจะลื่น หินทุกก้อนมีตะใคร่น้ำห่อหุ้มอยู่ เหยียบปุ้บลื่นปั้บ ต้องระวังกันด้วยครับ กลิ้งไปน้ำเข้ารถแน่นอน
เมื่อมาถึงที่พักเราก็ยังไม่หยุด ขี่มายังไม่สะใจ ไหนว่ายากแบบโน้นแบบนี้ ยังไม่เห็นจะยากอะไรเลย ลุยต่อไปสิ เราก็ขับขี่กันลึกเข้าไปเรื่อยๆ เส้นทางจะเป็นอารมณ์ป่ายางของชาวบ้านระแวกนี้ มีทั้งยาง ทุเรียน กาแฟ เยอะเเยะสลับกันไป และทุกคลอง ทุกลำธารที่เราผ่านมา มันเริ่มยาว และยากขึ้นเรื่อยๆ นี่แหละที่เราต้องการ
จนมาถึงคลอง 9 ทำเอาเราชะงัก เพราะมันยาวมาก คือมองไปนี่มันคลองชัดๆ ปกติที่ข้ามมามันเป็นคลองไหลผ่านทาง
แต่อันนี้ ทางดันไปวิ่งตัดคลอง ด้วยความกล้าบ้าบิ่นของเรา มีหรือจะยอม ลุยสิ เล็งไลน์ดีๆ เติมคันเร่งเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ล้อหมุนฟรี
ขี่ลงมาไม่ถึงสิบเมตร ถึงกับต้องลงจากรถมาเข็นแทน
ด้วยที่ว่าเราก็ไม่แน่ใจว่าด้านหน้าของเรามันจะลึกขนาดไหน เราลงรถเพื่อให้รถนั้นไม่มีโหลดอยู่บนรถ ตัวรถจะได้สูงขึ้น
ตอนลงมายืนนี่น้ำเกือบเท่าเอวผมแล้วนะ โชคยังดีที่เจ้าคันนี้มันสูงถึง 893 mm.กรองอากาศอยู่ใต้เบาะ
ก็กะระยะประมาณ 870-880 mm. ไม่น่าเกินนี้ ถ้าเรายังอยู่บนรถ รับรองมีโอกาสสูงที่น้ำจะเข้าเครื่องแน่ๆ
เราเลยลงแล้วไม่ดับเครื่อง ใช้เกียร์หนึ่งค่อยๆดันคันเร่งผ่านส่วนที่ลึกที่สุดของคลองนี้ไปอย่างทุลักทุเล เรียกได้ว่าเสียวมาก
จริงๆแล้วถ้าเจอเส้นทางแบบนี้ แนะนำให้เดินลงไปดูไลน์ ดูความลึกกันก่อนนะครับ เพื่อความปลอดภัย อย่าห้าวแบบแอดมิน 555 ไม่งั้นได้ลงมาเข็นแบบผมแน่นอน เมื่อเราปล้ำกันอยู่สักพัก ลุ้นกันแทบลืมหายใจ พักใหญ่เราก็ผ่านคลอง 9 มาได้อย่างปลอดภัย น้ำไม่เข้าเครื่อง แต่.......ทีมงานเราตัดสินใจว่าให้หยุดภาระกิจเพียงเท่านี้ เพราะว่าคลองต่อๆไปมันจะลึกขึ้นกว่านี้
รับรองถ้าลุยต่อ รถพังแน่นอน เราก็เลี้ยวหัวกลับอย่างไวเลยครับ เมื่อกี้ก็ไม่น่าห้าวข้ามมาแล้วจริงๆ ถ้าดื้อไปต่อมีสิทธิ์ได้ยกรถกลับแน่นอน
กลับไปยังลานกางเต้นท์ของเรา เพื่อเตรียมปาตี้รอบกองไฟของเราคืนนี้กับอากาศที่เริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้านล่างก่อนขึ้นมา คิดในใจมันจะหนาวกี่โมง เพราะเจ้าของสถานที่ได้เเจ้งเราไว้ว่ากลางคืนที่นี่หนาวนะ
ก่อนมาถึง 38 องศา คิดแล้วผมนี่สบประมาทเลย ไม่หนาวแน่นอนคืนนี้ เมื่อเร่ิมเตรียมของ เตรียมอาหารกันสักพัก
เมื่อฟ้าเริ่มมึด พระจันทร์เริ่มส่องสว่าง อากาษมันเย็นลงเหลือ 25-26 องศา พร้อมกับน้ำค้างที่เริ่มลงหนักขึ้น ถึงขึ้นต้องไปหาหมวกมาใส่กัน เดี๋ยวจะไม่สบายกันก่อนถ้ายังนั่งเม้ามอยไม่เลิก บอกเลยว่าไม่น่าสบประมาทอากาศที่นี่เลย อยู่ดีๆก็เย็นลงวูบๆ อีกอย่างเราพักกันริมน้ำด้วย จึงทำให้น้ำค้างเเรงและอุณหภูมิลดลงแบบรวดเร็วมาก
สรุปให้เลยนะครับว่าถ้าอยากมาเที่ยวแบบ Social Detox ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ลำธาร กลางหุบเขาพร้อมรับอากาศที่สดชื่นตลอดวัน หุยกาฮังคือคำตอบที่ดีมากๆ และถ้าอยากสนุกกับเส้นทาง ลองมาหน้าฝน รับรองหนังชีวิตตั้งแต่คลองแรกที่เข้ามาแน่นอนครับ อีกนิดครับ ผมอยากจะบอกว่า Honda CRF 300 Rally คันนี้มันลุยน้ำได้สูงเกินคาดจริงๆ
………..
Special Thank : Thai Honda สำหรับรถทดสอบ
Dirt Shop Thailand สำหรับชุดอุปกรณ์ขับขี่ทดสอบ
#JourguNey #override #Test #Review #หุบกาฮัง #ไปทุกที่ที่ไม่มีทาง #ThaiHonda